อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ และอาหารเสริมสุขภาพ ถือเป็นคำเดียวกันหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานเสริมนอกเหนือจากอาหารมื้อหลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น 
เพื่อนๆส่วนใหญ่น่าจะรู้จักอาหารเสริมในแง่มุมที่ต่างกัน และคงเคยได้ทานอาหารเสริมกันมาบ้างแล้วนะ จะเห็นได้ถ้าไม่นับยารักษาโรค เวลาเราไม่สบายเราอาจนึกถึงอาหารสริมหรือสมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งใช่ไหม
ทีนี้มันมีประเด็นไม่นานมานี้ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ครีมทาหน้า และอาหารเสริมที่เป็นประเด็นว่า มีบริษัทขายสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ และอาหารเสริมด้วย ได้ถูกร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับปัญหาการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจริงๆแล้วปัญหาการร้องเรียนในลักษณะนี้มีมานานแล้ว เพียงแต่อาจไม่เป็นข่าวดัง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้เป็นประเด็นสนใจในสังคมก็เพราะว่านอกจากผู้ใช้จริงร้องเรียนต่ออย.แล้ว การทำการตลาดยังมีผู้เกี่ยวข้องเป็นดารา นักร้อง ที่มีชื่อเสียง (บางกระแสบอกว่ามีจำนวนถึงครึ่งของดารา นักร้องทั้งหมดเลยทีเดียวเชียว) เราไม่ขอเอื้อนเอ่ยถึงนามกรของบริษัทนี้ก็แล้วกัน ไปสืบกันเอาเองนาจา
ประเด็นคือ หากปัญหามันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ ไฉนมันจะถูกแก้ได้ในระยะเวลาอันสั้นฤๅ จริงป่ะ ดังนั้นเราว่าวิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือ การศึกษาวิธีการสังเกต สืบค้นว่าอาหารเสริมใด ครีมชนิดใด ที่พิจารณาแล้วว่าน่าจะปลอดภัย ได้ผลจริง และน่าเชื่อถือไม่หลอกลวง เราว่าก็คล้ายๆกับการเลือกดูคนคบเน้อ เราคงไม่รู้หรอกว่าบ้านเขามีนอก ในอย่างไร ปมเป็นอย่างไร แต่เรามีหลักการพิจารณาคร่าวๆ หรืออาจละเอียดหน่อยในระดับที่ดูได้ว่าเขา ดีหรือไม่ดี
วิธีง่ายๆในการพิจารณาว่าอาหารเสริม หรือครีมชนิดใด ดีหรือไม่ดี
ประการแรก ต้องมีเลขที่จดแจ้งจากอย. ที่มีสัญลักษณ์คล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนยาวๆ มีตัวเลข 13 หลัก เป็นสัญลักษณ์ว่าได้รับอนุญาตให้ผ่านมาตราฐานว่าปลอดภัยระดับหนึ่ง โดยเราสามารถตรวจสอบว่าอาหารเสริมนี้ได้รับอนุญาตจริงโดยการตรวจจากเว็บไซต์ของอย.ได้เลยฮะ และหากอยากรู้ความหมายของเลขทั้ง 13 หลักก็เข้าไปศึกษาได้จากทางนี้
ประการที่สอง ต้องมีชื่อและสถานที่ผลิตจริงๆ ระบุไว้ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจว่า ท่านมีตัวตน ติดตามได้ (ถ้ามีปัญหาจะได้ตามไปเฉ่งถูกที่ ฮา..) อนุมานเหมือนเพื่อนซื้อขนมมาฝาก เราก็อยากรู้ใช่ไม๊ว่าเพื่อนเราซื้อมาจากที่ไหน ซื้อมานานหรือยัง อะไรประมาณนี้
ประการที่สาม ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ โดยปกติแล้วอาหารเสริมชนิดหนึ่งๆมักจะมีส่วนประกอบหลักที่เป็นตัวชูโรงอยู่เพียง 1 ชนิด โดยจะสังเกตจากส่วนผสมที่มักถูกระบุบนบรรทัดแรกเสมอ ตัวอย่างจากรูปเป็นสารประเภทคอลลาเจน type 2 มีการทดลองว่าช่วยในการฟื้นฟูการอักเสบของข้อต่างๆ นี่งัยฮะ เราถึงต้องมีข้อมูลส่วนผสมข้างขวด เพราะผู้บริโภคอย่างเราๆจะได้นำไปหาข้อมูลถึงผลดี ผลเสียต่างๆได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ระบุกำกวมแบบหาข้อมูลไม่ได้นาจา..
ประการที่สี่ วิธีการรับประทาน และคำเตือน เราว่าวิธีรับประทานถูกระบุอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์อยู่แล้วแหละ แต่คำเตือนนี่สิ มันควรมีอยู่ข้างขวดในทุกๆขวดเช่นกัน เพราะถึงแม้จะเป็นอาหารเสริมที่เข้าใจกันว่าอันตรายมันน้อยกว่ายาก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีข้อควรระวังหรือไม่เตือนอะไรกันเลยงั้นหรา ดังนั้นเราเห็นว่าผลิตภัณฑ์ไหนที่คำนึงจุดนี้จะถือว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง อันนี้ขอยกนิ้วโป้งโด่งๆเลย
ประการที่ห้า รหัสครั้งที่ผลิต วันที่ผลิต วันที่หมดอายุ ทำให้เรารู้ว่าผลิตภะณฑ์ชนิดนี้สดใหม่แค่ไหน ถ้าจะซื้อใช้จะรับได้หรือไม่ เป็นต้น ส่วนตัวเราจะเชื่อถือผลิตภัณฑ์นั้นมากขึ้น ถ้าหากมีการระบุวันที่ผลิตด้วย อ้อ..แล้วให้ระวังวันหมดอายุห่างจากวันที่ผลิตมากๆก็ไม่ไหวนะ อาหารเสริมอะไรจะอยู่ยงคงกระพันนาน 5ปี 10ปี
ประการสุดท้าย เกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยเช่น รูปลักษณ์ ความแข็งแรงของภาชนะบรรจุ อาหารเสริมข้างในควรอยู่ในสภาพปกติ ขนาด สีไม่เปลี่ยนและเท่ากันทุกเม็ด สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ของผู้ผลิต อันจะนำไปสู่มาตราฐานที่สูงขึ้นในการผลิต ก็แหมคุณผลิตขายใช่ไม๊ คุณก็ต้องคิดเสมือนว่าคุณรับประทานเองสิ จริงป่ะ..
คงได้เห็นเป็นไอเดียคร่าวๆแล้วนะฮับว่า วิธีการสังเกตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย น่าเชื่อถือนั้นเป็นอย่างไร แต่ๆๆ วิธีการดังกล่าวจะไม่ได้ผลเลยหากผู้ผลิตไม่มีคุณธรรมในจิตใจ หวังแต่รายได้เป็นที่ตั้งโดยไม่คิดถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เช่นการขออนุญาตผลิตอย่างหนึ่ง พอผลิตขายจริงมาตรฐานลดลง กลายเป็นการผลิตอีกแบบหนึ่ง ดังที่ได้ปรากฏเป็นข่าวอยูเรื่อยๆว่า มีการร้องเรียนจากผู้บริโภค จนนำไปสู่การตรวจสอบ และจับกุมในที่สุด